
เราคือใคร
บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจให้บริการผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า ผลิตยา, อาหารเสริม, เครื่องสำอาง, สมุนไพร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินบำรุงร่างกาย รวมทั้งกาแฟเพื่อสุขภาพ พร้อมขึ้นทะเบียนอาหารเสริมกับองค์การคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้า โดยมีประสบการณ์กว่า 40 ปี ด้านการผลิตยาแผนปัจจุบันและอาหารเสริมได้รับมาตรฐาน GMP PIC/s และมาตรฐาน ISO 9001:2015 ควบคุมโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญ. ซึ่งในปัจจุบันได้มีการให้บริการผลิตยา, รับผลิตอาหารเสริม, ผลิตยาแผนโบราณและ ผลิตยาสมุนไพร พร้อมทั้งบริการรับจ้างบรรจุ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รูปแบบต่างๆ ได้แก่ ตอกเม็ด, บรรจุแคปซูล, บรรจุแผงบริสเตอร์, บรรจุขวด, ขึ้นทะเบียนยาและทะเบียนอาหารเสริม โดยบริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เรามีโรงงานผลิตที่ถนนพระรามสาม และโรงงานในภาคเหนือ ตั้งอยู่ที่จังหวัดลำพูน
เหตุการณ์สำคัญ
ในปี 2564
ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 3/2564 ได้มีมติอนุมัติดังนี้
- อนุมัติลดทุนจดทะเบียนที่ยังไม่ได้รับชำระจาก 213,000,000 บาท (สองร้อยสิบสามล้านบาทถ้วน) แบ่งเป็น 426,000,000 หุ้น (สี่ร้อยยี่สิบหกล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เป็น 170,000,000 บาท (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้านบาทถ้วน) แบ่งเป็น 340,000,000 หุ้น (สามร้อยสี่สิบล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
- อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 170,000,000 บาท (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้านบาทถ้วน) แบ่งเป็น 340,000,000 หุ้น (สามร้อยสี่สิบล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท เป็น 227,500,000 บาท (สองร้อยยี่สิบเจ็ดล้านห้าแสนบาทถ้วน) แบ่งเป็น 455,000,000 หุ้น (สี่ร้อยห้าสิบห้าล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 115,000,000 หุ้น (หนึ่งร้อยสิบห้าล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท รวมเป็นเงิน 57,500,000 บาท (ห้าสิบเจ็ดล้านห้าแสนบาทถ้วน) เพื่อเสนอขายต่อประชาชน
- อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 115,000,000 หุ้น (หนึ่งร้อยสิบห้าล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท (ห้าสิบสตางค์) เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering : IPO) หรือคิดเป็นร้อยละ 25.27 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO
ในปี 2563
- มีนาคม 2563 บริษัทได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนตามมติข้างต้น ให้แก่ กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน 1 (“กองทรัสต์”) และ บริษัท เอช อี พี โฮลดิ้งส์ 4 จำกัด (“บริษัทในเครือของที่ปรึกษาของกองทรัสต์”) จำนวน 20,000,000 หุ้นที่ราคาสูงกว่ามูลค่ายุติธรรมที่ประเมินโดยที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
- พฤศจิกายน 2563 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2563 ได้มีมติอนุมัติแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยมีมติดังนี้
1) อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทโดยการออกหุ้นสามัญใหม่เพื่อเป็นการระดมทุนและเสนอขายหุ้นของบริษัทให้กับประชาชนเป็นครั้งแรกจำนวน 43,000,000 บาท จากเดิม 170,000,000 บาท (หนึ่งร้อยเจ็ดสิบล้านบาทถ้วน) เป็น 213,000,000 บาท (สองร้อยสิบสามล้านบาทถ้วน) แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 86,000,000 หุ้น (แปดสิบหกล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท (ห้าสิบสตางค์)
2) อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 86,000,000 หุ้น (แปดสิบหกล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท (ห้าสิบสตางค์) เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering : IPO) หรือคิดเป็นร้อยละ 21.9 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO
ในปี 2562
เมษายน 2562 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ได้มีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 130.00 ล้านบาท เป็น 170.00 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 80,000,000 หุ้น เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งได้มีการจัดสรรและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บริษัท สุภาพ กรุ๊ป จำกัด จำนวน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในเดือนกรกฎาคม 2562
ในปี 2561
- สิงหาคม 2561 บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 100.00 ล้านบาท เป็น 130.00 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
- ธันวาคม 2561 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2561 ได้มีมติดังนี้
1) การแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด
2) อนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จากเดิมหุ้นละ 100.00 บาท (หนึ่งร้อยบาทถ้วน) เป็นหุ้นละ 0.50 บาท (ห้าสิบสตางค์) โดยภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ดังกล่าว บริษัทจะมีจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 260,000,000 หุ้น (สองร้อยหกสิบล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท (ห้าสิบสตางค์)
โดยบริษัทได้ดำเนินการจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัดและเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2561
ในปี 2560
- มกราคม 2560 บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท โดยการรวมธุรกิจ COX ซึ่งเป็นการรวมธุรกิจภายใต้การควบคุมเดียวกัน (Business Combination Under Common Control) เนื่องจากครอบครัวแดงประเสริฐเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในลำดับสูงสุดก่อนและหลังการซื้อขายดังกล่าว
- พฤษภาคม 2560 บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 66.00 ล้านบาท เป็น 100.00 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิม โดยมีการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนเป็นที่ดินซึ่งมีแผนจะใช้ในการวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงไข่น้ำ และการปลูกพืชสมุนไพรเพื่อพัฒนาเป็นยาแผนโบราณ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ในปี 2554
สร้างโรงงานเพิ่มอีกแห่งที่เลขที่ 260 หมู่ที่ 4 ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน 51000 เพื่อรองรับการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์สมุนไพร
ในปี 2553
ธันวาคม 2553 บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 46.00 ล้านบาท เป็น 66.00 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ในปี 2552
- มกราคม 2552 บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1.00 ล้านบาท เป็น 16.00 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
- มิถุนายน 2552 บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 16.00 ล้านบาท เป็น 46.00 ล้านบาท โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ในปี 2548
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2548 จดทะเบียนก่อตั้งภายใต้ชื่อ “บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรกจำนวน 1.00 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท โดยมีสำนักงาน ตั้งอยู่เลขที่ 255,257 ซอยสาธุประดิษฐ์ 58 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120